top of page

T2-5 | เสวนาอ่างปลา “มิติจิตวิญญาณในจักรวาลอาสาสมัคร”

Updated: Aug 10

28 ก.พ. 68  13:00-15:30 น.  เดอะ มิตร-ติ้ง รูม (The Mitr-ting room)  ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์

เจ้าภาพ : มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา

ร่วมเสวนา : สมบัติ บุญงามอนงค์ มูลนิธิกระจกเงา, อรุณชัย นิติสุพรรัตน์ กลุ่มจิตอาเยียวยาจิตใจผู้ป่วย I SEE YOU, ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ธนาคารจิตอาสา, ราตรี ประภาสะวัต ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ รพ.ชลประทาน, อุไรวรรณ เนตรขำ สถาบันประสาทวิทยา, วุฒิ วิพันธ์พงษ์ บมจ.แอสเซทไวส์, ณัฏฐกิตติ์ ระวิรุ่ง อาสาสมัครมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท, สันติ ดำรงวิริยาเวทย์ อาสาอำนวยความสะดวกผู้ป่วยในโรงพยาบาล

มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา

ดำเนินรายการ : ประสาน อิงคนันท์


ร่วมเสวนาที่อาสาสมัครและคนทำงานอาสาสมัครจะได้เรียนรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารงานอาสาสมัคร และอาสาสมัครตัวจริงที่มีประสบการณ์ตรงในการทำงานอาสาเปลี่ยนชีวิต เพราะงานอาสาสมัครนั้นเป็นมากกว่าการออกไปช่วยเหลือผู้อื่น แต่ยังเป็นประตูสู่การเรียนรู้เข้าไปภายในตนเอง และขยายผลได้จนถึงระดับการแปรเปลี่ยนคุณภาพภายในมิติต่างๆ ชวนมาพบปะและเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย เพื่อร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อมิติสุขภาวะทางปัญญาของอาสาสมัคร



ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ




ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม




สรุปใจความสำคัญ


เปิดพื้นที่ชวนพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเหล่าอาสาสมัครที่มีประสบการณ์ จากกลุ่ม หน่วยงาน มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ ด้วยการเข้าใจลักษณะงานและกระบวนการ ที่ทำให้อาสาสมัครเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน แม้เป็นการทำงานภายนอกที่เน้นทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นหรือสิ่งอื่น หากงานนี้กลับเป็นเครื่องมือที่เข้ามาทำงานเปลี่ยนแปลงมิติสุขภาวะทางปัญญาของอาสาสมัคร ไปพร้อมกับการตระหนักรู้ภายในตนเอง

 

งานเสวนาอ่างปลานี้ บอกเล่าการทำงานอาสาของแต่ละองค์กร การดูแลผู้ที่มาทำงานอาสา การเปลี่ยนแปลงภายในตัวของผู้ที่มาทำงานอาสา และการเปลี่ยนแปลงของผู้มาทำงานอาสาที่ส่งผลต่อคนรอบข้าง ด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อบริหารจัดการงานอาสาให้เป็นงานที่ยั่งยืน ที่สำคัญคือการเห็นคุณค่าของงานอาสาที่เกิดขึ้นทั้งกับผู้เป็นอาสา และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ

 

เริ่มต้นด้วยผู้ดำเนินรายการเกริ่นแนะนำวิทยากรทั้ง 8 คน จากนั้นรอบแรกให้แต่ละคนได้แนะนำตัวเองว่ามาจากไหน ทำอะไร ซึ่งประกอบด้วยคนทำงานในหน่วยงานหรือองค์กรด้านอาสาสมัคร 6 คน ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา, กลุ่ม I SEE U, โรงพยาบาล, ธนาคารจิตอาสา, บริษัทเอกชน และอาสาสมัครอีก 2 คน ในรอบสองแบ่งปันประสบการณ์การทำงานด้านอาสา ส่วนรอบสาม ให้ผู้เข้าร่วมที่อยู่รอบนอกได้มีโอกาสซักถามหรือแบ่งปันประสบการณ์



ข้อค้นพบและการเรียนรู้สำคัญที่เกิดขึ้นจากการทำงานอาสา


  • การสนับสนุน คอยช่วยเหลือดูแลผู้ทำงานอาสา ทั้งในด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึก เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนทำงาน อย่างอบรมทักษะการฟัง การอยู่กับคนตรงหน้า การเจริญสติ การชวนคุยสะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้หลังเสร็จงาน การให้เขียนบันทึก ในบางกรณีอาจมีการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมได้ เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครเยาวชนหรือผู้ขาดแคลนที่มาทำงานได้


  • งานอาสาเป็นกลไกการทำงานภายนอก ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงคุณภาพจิตภายใน เช่น เรื่องเล่าของอาสาที่ทำงานถ่ายภาพศพจากภัยพิบัติธรรมชาติเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ การเจริญมรณานุสติ ประสบความจริงตรงหน้า ทำให้มองเห็นคุณค่าความสำคัญและความหมายของชีวิต เรียกว่าความจริงเปลี่ยนความคิด พลิกชีวิตเป็นคนใหม่


  • กระบวนการตีความให้ความหมายมีความสำคัญมากกับการเติบโตทางจิตวิญญาณ จึงควรมีผู้ประสบการณ์ช่วยนำพา    


  • การทำงานงานอาสา ทำให้บทสนทนาภายนอกที่เกิดขึ้น กลับเข้ามาสนทนาและทำงานภายในกับตัวอาสาเอง ทำให้เกิดการเติบโตด้านใน และยกระดับมิติด้านจิตใจและจิตวิญญาณ


  • งานทำให้อาสามีพลัง และงานอาสาเป็นสนามพลัง ที่เเริ่มจากตัวเอง ก่อนแผ่ไปยังคนรอบข้าง และส่งต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีขอบเขตสิ้นสุด


  • งานอาสาช่วยให้มิติด้านความสัมพันธ์ดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวเอง เห็นคุณค่าและศักยภาพตนเอง หันมารักใส่ใจดูแลมากขึ้น รวมถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อคนอื่น เช่นเรื่องเล่าจากอาสาที่มองเห็นสามีดูแลใส่ใจภรรยาที่ป่วยระยะท้ายด้วยความรัก ทำให้กลับมามีท่าทีกับคนที่บ้านเปลี่ยนไป หรือตัวอาสาสมัครที่ไปทำงานในโรง พยาบาลช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร และตัวบุคลากรก็ได้กลับมาย้อนสำรวจตัวเองถึงงานที่ตนทำอยู่

 

งานอาสาจึงเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจในการช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน ทั้งยังเป็นสนามพลังที่ส่งต่อความสุขความงดงาม การช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ เป็นการร่วมทุกข์ที่ทำให้ค้นพบความสุข ซึ่งในท้ายที่สุดไม่ใช่แค่ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเท่านั้น ผู้ที่เป็นอาสาเองนั้นก็จะได้รับประโยชน์และความรู้สึกที่ดีด้วย

 

ในการทำงานอาสาสมัครทำให้เห็นคุณค่าตัวเอง ฝึกภาวะผู้นำ เริ่มจากการนำตัวเอง ก้าวข้ามความกลัวต้องมีสติรับรู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เข้าใจชีวิตและธรรมชาติของชีวิต เกิดการพัฒนาตัวเองจากภายใน แม้จะทำงานกับความทุกข์ ความยากลำบาก แร้นแค้น ขัดสน เจ็บไข้ได้ป่วย ภัยพิบัติ การสูญเสีย หรือความตาย ฯลฯ

 

งานอาสาสมัครจึงเป็นงานที่ช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะเดียวกันสามารถเติบโตเป็นความงดงาม รากของชีวิต หล่อเลี้ยงจิตใจ ดำรงอยู่ได้ด้วยการตระหนักรู้ภายในตนเอง การเคารพและมองเห็นคุณค่าในกันและกัน เกิดเป็นสันติภาวะทั้งระดับบุคคล แล้วยกระดับไปสู่ระดับกลุ่ม ชุมชน และสังคมต่อไปได้ ด้วยการรู้สึกสัมพันธ์เชื่อมโยงไม่แบ่งแยกขาดจากกัน

 


พลังสังคมเกิดจากพลังตัวเรา

งานอาสาเป็นเหมือนต้นไม้ ตัวอาสาเปรียบเหมือนราก และตัวเองเป็นสนามผู้รับใช้

งานอาสาแทรกในชีวิตประจำวันทุกวินาที เพียงแค่เราใส่ใจ




ผู้เขียน  ทีมจัดการความรู้ สุขภาวะทางปัญญา' 68







บทสะท้อนการจัดเวที “มิติจิตวิญญาณในจักรวาลอาสาสมัคร”

 

แรงบันดาลใจ

 

การทำงานในเรื่องอาสาสมัครในโรงพยาบาลของทางมูลนิธิฯ ที่ทำมาต่อเนื่องหลายปี ทำให้กลุ่มอาสามสมัครที่มาร่วมกันสร้างงาน แสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านใน หลากหลายระดับจากเรื่องเล็กๆ ไปจนถึงระดับที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหรือระดับตัวตน (Transform) ที่กลายเป็นอุปนิสัยใหม่ ทำให้มูลนิธิฯ เห็นว่า งานอาสาสมัครหากมีการออกแบบกระบวนการและระบบสนับสนุนให้จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับลึกได้ ทั้งการตระหนักรู้ในตนเอง การปรับตัวด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือการมองเห็นปัญหาในมุมมองที่กว้างขวางเชื่อมโยงไปมากกว่าที่เคยมองเห็น

 

ทางมูลนิธิฯ จึงเชิญกลุ่มคนที่ทำงานทำเกี่ยวกับงานอาสาสมัครในมิติต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นที่ว่า งานอาสาสมัครเป็นช่องทางของการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณได้หรือไม่ กลุ่มที่มาร่วมแลกเปลี่ยนจะมีอยู่สามกลุ่ม กลุ่มแรกจะเป็นคนที่บริหารจัดการอาสาสมัครทั้งที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานด้านนี้โดยตรงกับคนที่ดูแลเรื่อง CSR ของบริษัท ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ต่างก็เป็นคนที่เคยเป็นอาสาสมัครด้วยตัวเองมาแล้วทั้งสิ้น กลุ่มที่สองคือกลุ่มคนมาเป็นอาสาสมัครอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มที่สามคือ กลุ่มคนทำงานที่หน้างานของตนเองมีอาสาสมัครเข้ามาทำงานในระบบงาน เพราะจากการทำงานอาสาสมัครอำนวยความสะดวกในระบบโรงพยาบาลและงานอาสาข้างเตียงที่ทางมูลนิธิฯ เคยได้ดำเนินงานมา


การแลกเปลี่ยนเรียนรู้

 

ทางมูลนิธิได้จัดวงแลกเปลี่ยนในลักษณะอ่างปลา โดยมีผู้ร่วมอภิปรายอยู่วงในและผู้ฟังล้อมรอบอยู่โดยรอบเพื่อและนำการพูดคุยโดยคุณประสาน อิงคนันท์ โดยกลุ่มแรกที่ทำการแลกเปลี่ยนคือ กลุ่มนักจัดการอาสาสมัครทั้งที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรหรือองค์กรภาคธุรกิจ โดยคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ จากมูลนิธิกระจกเงาได้กล่าวเปิดหัวไว้ว่า “งานอาสาสมัครไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโลกภายนอก งานอาสาสมัครที่มีคุณภาพดีเข้าไปเปลี่ยนโลกภายในของคนคนนั้น ในมิติด้านจิตวิญญาณ” เมื่อมองผ่านมุมมองของคนที่จัดการอาสาสมัคร เปิดพื้นที่การทำงานให้อาสาสมัคร ไม่ว่าจะฟังจากการทำงานแบบใด จะเป็นงานอาสาฯ ที่ลงลึกมากๆ อย่างการทำงานในเหตุการณ์ภัยพิบัติสำนามิ หรือการเป็นอาสาเยี่ยมบ้าน ไปจนเป็นงานอาสาปลูกต้นไม้ หรือการทำงานผ่านระบบอาสาในแพลตฟอร์ม นักจัดการอาสาสมัครทุกท่านต่างยืนยันว่า คนที่มาทำงานอาสาเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแน่นอน จะมากหรือน้อยเพียงใดเท่านั้น และกระบวนการจัดการงานอาสาสมัครให้มีกระบวนการเรียนรู้จะส่งผลมากกว่าการทำงานแบบให้มาเป็นแรงงานฟรี ในกลุ่มของคนทำงานอาสาสมัครทั้งสองท่านที่มาร่วมพูดคุยด้วย ก็ได้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเอง ทั้งในด้านของความสามารถต่างๆ และคุณภาพทางจิตใจที่เปลี่ยนไป ในกลุ่มของคนทำงานอย่างเช่นพยาบาลในโรงพยาบาลที่มีอาสาสมัครเข้ามาทำงานอย่างคุณอุไรวรรณ เนตรขำ สะท้อนว่า การมีอาสาสมัครในระบบโรงพยาบาลในโรงพยาบาลของตนเอง ทำให้คนทำงานมีเวลาเพิ่มมากขึ้น ได้มองย้อนมาหาตนเองมากขึ้น การเห็นอาสาทำงานบริการด้วยรอยยิ้ม โดยไมได้รับสิ่งตอบแทนจึงมีการสะท้อนย้อนคิดถึงแรงจูงใจของตนเองในการทำงาน 

 

ในวงสนทนายังมีการพูดคุยกันว่า การทำงานอาสาเป็นการทำให้คนที่มาทำงานได้มีประสบการณ์ที่สั่นไหวภายในของตนเอง หากมีความสามารถในการตกผลึกได้ด้วยตนเองก็จะเกิดการเรียนรู้ภายในตน แต่ถ้าไม่มีความสามารถนั้น ก็ต้องมีการจัดกระบวนการให้เกิดการสะท้อนย้อนคิดของอาสาฯ เพื่อนำไปสู่การเติบโตภายใน คุณราตรี พยาบาลอีกท่านหนึ่งนอกจากจะทำงานร่วมกับอาสาแล้วก็ยังเป็นอาสาด้วยตนเองอีกด้วย ในวงพูดคุยยังได้แลกเปลี่ยนกันว่า ความสุขที่เกิดจากการทำงานอาสาสมัครจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนอยากมาทำงานอาสาสมัครอย่างต่อเนื่อง ถึงที่สุดแล้วงานอาสาสมัครคือการเปลี่ยนแปลงตัวของอาสาสมัครเอง


สิ่งที่เกิดขึ้น

 

จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในวงทำให้รู้สึกได้ว่า งานอาสาสมัครนั้นเป็นช่องทางของการพัฒนาด้านในหรือมิติจิตวิญญาณของผู้คนที่เกี่ยวข้องได้จริงๆ ทั้งในระดับที่เชื่อมโยงกับตัวเอง การประสานความสัมพันธ์ และการมุ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจนมองช้ามตนเองไปได้  การทำงานอาสาสมัครเป็นการทำงานเพื่อแก้สภาพปัญหาบางเรื่องที่ขาดแคลนกำลังคน แต่หากเลือกสรรจัดการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ได้ดี การทำงานของอาสาสมัครไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแก้ปัญหาที่เป็นเป้าหมาย แต่กลับกลายเป็นกระบวนการขัดเกลาจิตใจชองคนที่เกี่ยวช้อง เป็นการร่วมเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข บนความมุ่งหวังของการเปลี่ยนแปลงปํญหาให้ดีกว่าเดิม

 

ข้อเสนอแนะต่อสังคม 

 

ในท่ามกลางปัญหาหรือความท้าทายจำนวนในสังคมไทยหรือสังคมโลกก็ตาม แม้จะมีความคาดหวังจะมีผู้รับผิดชอบหลักๆ ในการแก้ปัญหาแต่ละเรื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดจำนวนมากก็ทำให้เป็นไปได้ยากที่ผู้รับผิดชอบหลักจะแก้ปัญหาได้โดยฝ่ายเดียว การลงมือลงแรงของอาสาสมัครจำนวนย่อมมีความจำเป็น โดยเฉพาะการทำงานอย่างเป็นระบบ ในอีกด้านหนึ่งนอกจากการออกแบบเพื่อแก้ปํญหาอย่างเป็นระบบแล้ว กระบวนการเรียนรู้ของอาสาสมัครผ่านการทำงานงานดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะการทำงานอาสาที่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงมิติภายในของคนที่เกี่ยวข้อง จะเป็นพื้นที่ของการสร้างประสบการณ์ของการทำงานเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นแบบที่ก้าวข้ามตัวตนของเราไปได้ การมีพื้นที่การอาสาแบบนี้มากๆ จะทำให้เป็นการสร้างกระแสสำนึกของการลงมือช่วยเหลือหรือเห็นแก่ประโยชน์ให้แพร่หลายไปได้กว้างขวางในสังคม

 


ผู้เขียน นภนาท อนุพงศ์พัฒน์



Comments


Commenting on this post isn't available anymore. Contact the site owner for more info.

ติดตามเรา

  • Facebook
  • Youtube
ศูนย์ความรู้_darker text.png
Logo_Portfolio_RGB_ThaiHealth_2022-01.png
bottom of page