T2-4 | เสวนา “จากภายในสู่โลก ... ผสานจิตวิญญาณอาหารสู่ความหวัง”
- Jitwiwat
- Apr 27
- 3 min read
28 ก.พ. 68 10:00-12:00 น. เวทีกลาง สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์
เจ้าภาพ : วัลลภา แวน วิลเลียนส์วาร์ด เครือข่ายนวัตกรรมสากล (INI-Innovation Network International)
นำเสวนา : Dr. Thomas Legrand, Rakesh Kumar Pandey, Frans Sugiarta,
Chang Tianle, Naw Aung, Khamphui Saythalat และ นคร ลิมปคุปตถาวร
ผู้ดำเนินรายการ : นงลักษณ์ สุขใจเจริญกิจ และ อ.ปกรณ์ เลิศเสถียรชัย
เวทีเสวนาที่ชวนให้เรากลับมาเห็นว่า จิตวิญญาณอาหารคือเรื่องใกล้ตัวพวกเราทุกคน ด้วยกิจวัตรประจำวันพื้น ๆ ในทุกวันของชีวิต การกินอาหารที่นำไปสู่การเห็นความเชื่อมโยง “จักรวาลในชามข้าว” การเห็นเมล็ดข้าว คนปลูก จนถึงโลก ธรรมชาติ ดิน น้ำ อากาศ เป็นการสร้างความสัมพันธ์และความสำนึกในบุญคุณกับธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เรามองโลกนี้ด้วยดวงตาใหม่
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม
สรุปใจความสำคัญ
นำเสนอการเชื่อมโยงมิติจิตวิญญาณเข้ากับประเด็นอาหารในระดับชุมชน สังคม และทั่วโลก ด้วยการเริ่มตั้งคำถามอย่างจริงจังกับความหมายของอาหารและกับตัวระบบที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การผลิตจนมาถึงมนุษย์และธรรมชาติ ทบทวนความเชื่อพื้นฐานที่สังคมมีต่ออาหาร และแบ่งปันข้อมูลและแนวคิดเพื่อขยายความร่วมมือและสร้างเครือข่ายการทำงาน เจตนารมณ์หลักเพื่อทำให้มิติด้านจิตวิญญาณสามารถปรากฏผลเป็นรูปธรรม ด้วยการเห็นความเชื่อมโยงของอาหารกับตัวเรา ผู้คน และธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกของสังคมต่ออาหารและการกิน เกิดระบบอาหารที่ใส่ใจ กินอย่างรู้ที่มา และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในระบบอาหารไปจนถึงกับธรรมชาติ
โครงการจิตวิญญาณอาหาร (Food Spirit) เป็นการร่วมมือของทั้งนักส่งเสริมสุขภาวะ ผู้ฝึกฝนด้านจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับอาหาร นักคิด/นักวิชาการ และชุมชนอาหารในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผนวกกับเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมทางสังคม อาทิ การออกแบบความร่วมมือ และเครื่องมือการประเมินร่วมของชุมชนที่สร้างแรงบันดาลใจสู่พลังการสร้างสรรค์ เพื่อให้อาหารเป็นที่มาของ ‘สันตินิเวศ’ (EcoPeace) ที่เกื้อกูลการผลิตที่ใส่ใจต่อความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินและมิติทางสังคม บนแนวคิด ‘สมบัติร่วม’ คือระบบที่มีเราทุกคนร่วมกันดูแล
ผู้นำเสวนาซึ่งมาจากเครือข่ายที่ทำงานด้านจิตวิญญาณอาหาร ได้แบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็น ผ่านคำถามที่สำคัญ ว่า “ในระบบอาหารปัจจุบัน เราจะสร้างความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณได้อย่างไร” และ “อะไรคือความท้าทายในการทำงานนี้และเรารับมืออย่างไร” ในตอนท้าย ผู้นำเสวนาแต่ละท่านได้ฝาก “สาส์นแห่งความหวัง” เพื่อส่งเสริมจิตวิญญาณอาหารที่เชื่อมโยงกับตัวเรา
เนื้อหาโดยรวมเป็นชุดความคิดและกรณีตัวอย่างที่บอกเล่าประสบการณ์การทำงานที่มีมุมมองแบบองค์รวม และทำความเข้าใจระบบอาหารที่เห็นสายสัมพันธ์ในลักษณะของ “จักรวาลในชามข้าว” เป็นการเชื่อมโยงระบบอาหารเล็กๆ ไปจนถึงระบบอาหารที่กว้างออกไปซึ่งอยู่ในระบบนิเวศอาหารโลกเดียวกัน ตระหนักถึงความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง และพลังความเป็นพลเมืองอาหาร (Food Citizen) ของผู้คน สร้างระบบอาหารที่มีสุขภาวะและความสุข และเกิดความรอบรู้ด้านอาหาร (Food Literacy) ที่ส่งผลดีถึงระบบนิเวศและชุมชนแห่งชีวิต
จากความเจ็บปวดกลายมาเป็นคำถามสำคัญที่ว่า ‘อาหารมาจากไหน’ และ ‘มีอะไรผิดพลาดที่ตรงนั้นหรือ’
เห็นการตัดขาดระหว่างอาหารกับผู้คนกับชาวไร่ชาวนา จึงเป็นที่มาของการเอาความเชื่อมโยง (Connection) นั้นกลับคืนมา โดยมาเริ่มทำตลาดขายอาหารของชาวไร่ชาวนาในเมืองหลวง
ระบบที่อยู่บนแนวคิดแบบลดทอน (Reductionism) ทำให้เราไม่ตระหนักเห็นผลกระทบจากระบบและความซับซ้อนของตัวเลขต่างๆ ก็ไม่ถูกมองเห็น
Biodynamics ทำให้ตนเองเกิดดวงตาคู่ใหม่ จึงหันกลับมาทำงานกับผืนดิน พืช ชีวิต และตัวเราโดยตรง กลับ มาเชื่อมโยงกับภายในตัวเองก่อน พบคำตอบจาก Higher Self เป็นความเคารพอ่อนน้อม แบ่งปันความรักจากตัวเรา แล้วทำงานกับธรรมชาติด้วยมุมมองใหม่นี้
ความหวังอยู่ที่ระบบการศึกษาที่จะผสานจิตวิญญาณและคุณค่าเข้าไป
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน
การริเริ่มระบบอาหารที่มีจิตสำนึกคือทางออกสำคัญ ด้วยการแบ่งปันความรู้ข้อมูลและแนวคิดรวมถึงประสบการณ์ต่างๆ เพื่อเรียนรู้จากกัน จัดทำกระบวนการและโครงการที่สามารถส่งผลกระทบในวงกว้าง อีกทั้งสร้างการรับรู้และยอมรับจากโลกกระแสหลักผ่านการทำงานวิชาการด้วย ในที่สุด จะนำไปสู่การร่วมมือและเสริมพลังซึ่งกันและกันได้ในรูปของเครือข่ายการทำงานที่สัมฤทธิ์ผลได้ในระดับต่างๆ ทั้งในประเทศ ในภูมิภาค และในระดับสากล และสิ่งนี้สามารถกลายเป็นความหวังของโลกที่จะมีระบบอาหารที่เกื้อกูลสรรพชีวิตได้โดยแท้
นอกจากนี้ ระบบอาหารที่เปี่ยมด้วยจิตสำนึกยังช่วยส่งเสริมสุขภาวะและความสุขในภาพใหญ่ของสังคมได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้คนในระบบ รวมไปถึงมีส่วนช่วยดูแลรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมบนการมีสำนึกรักและเคารพในคุณค่าของทุกสิ่ง อีกนัยหนึ่ง นี่ก็คือสุขภาวะทางจิตวิญญาณในระดับชุมชนและสังคมที่พวกเรากำลังจะร่วมกันสร้างขึ้นนั่นเอง
“หนึ่งในคำตอบอยู่ที่ระบบสังคมและการเมืองที่มีจิตสำนึก
รัฐบาลควรดูแลและสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงอาหารได้ในราคาที่ยุติธรรม
เราทุกคนควรเข้าถึงอาหารที่ดีมีคุณภาพได้โดยง่าย อาหารต้องไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย”
ผู้เขียน ทีมจัดการความรู้ สุขภาวะทางปัญญา' 68
บทความสะท้อนใคร่ครวญ (Reflection) จากการจัดห้องย่อย
ที่มา: เส้นทางบูรณาการ ‘จิตสำนึกกับอาหาร’
ศักยภาพและทักษะชีวิตในด้านอาหาร (food life skill) จำเป็นต่อการแก้วิกฤตของอาหาร การกิน การผลิต หากพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่าจิตวิญญาณอาหาร เริ่มตั้งแต่วิถีการกินที่สมดุล ที่ต้องการทักษะและความสามารถที่จะเห็นและเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวในเชิงการเห็นความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ทักษะอาหารคือทักษะชีวิต อาหารที่เรากินสามมื้อในทุกวันของชีวิต มีความหมายแทบทุกอย่างในชีวิตของคนเราในหลายมิติ เช่น อาหารที่แม่ดูแลลูกมีทั้งคุณภาพ ความรัก ความใส่ใจเท่าที่แม่คนหนึ่งจะสามารถทำได้ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ทักษะอาหารคือทักษะชีวิต ที่ต้องการการฝึกฝน อาหารเป็นทั้งมิติกายภาพคือการบำรุงเลี้ยงร่างกาย และมิติด้านคุณค่าคือการบำรุงเลี้ยงด้านจิตใจ สำนึกต่อธรรมชาติที่มอบอาหารให้แก่เรา ในหลายวัฒนธรรมแต่เก่าก่อนจึงมีการแสดงสำนึกต่อแม่ธรรมชาติ แม่ธรณี แม่คงคา แม่โพสพ มีการเฉลิมฉลอง (celebration) และเทศกาล (festival) เช่น เทศกาลบุญคูณลานสู่ขวัญข้าว[1]ณ ชุมชนเขาไม้แก้ว จ.ปราจีนบุรี
สันติกับผืนโลก Eco Peace สำนึกนิเวศคือสำนึกในบุญคุณ นัยถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติ ระบบผลิตในปัจจุบันสร้างความขัดแย้งระหว่างมนุษยชาติกับธรรมชาติ เกษตรอุตสาหกรรมคือการทำสงครามกับระบบนิเวศ ก่อให้เกิดวิกฤตและความล้มสลายของระบบนิเวศ ดินเสื่อม น้ำเสีย ฝุ่นควัน อากาศเป็นพิษ ในเกษตรแบบธรรมชาติหัวใจคือการสร้างสันติต่อผืนดิน[2] ความปรองดองและฟื้นฟูสันติภาพระหว่างมนุษยชาติกับธรรมชาติ ระบบอาหารจึงเป็นหน่วยขับเคลื่อนสำคัญ แสดงให้เห็นว่ามนุษย์และธรรมชาติไม่ใช่โลกที่แยกออกจากกัน จากการสกัดทึ้งธรรมชาติ (extractive) มาสู่การฟื้นฟูชีวิต (regenerative) ไปสู่พื้นที่ที่มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้เป็นพื้นที่ที่ได้รับการบูรณาการ[3] ผสานด้านจิตวิญญาณกับอาหาร
ช่วงงานกับชุดกิจกรรม ‘จักรวาลในชามข้าว’
เรื่องใหญ่อยู่ในสิ่งเล็ก เรื่องเล็กอยู่ในสิ่งใหญ่ เรื่องราวเล็กๆ ของชุมชนอาหารหลากหลายพื้นที่ตลอดงานทั้งสี่วัน โดยเฉพาะในวงเอเชียทอล์ก วงอาหารแม่แห่งความคิดถึง วงอาหารคือการดูแลร่วม วงเวิล์ดคาเฟ่เรื่องการนำชีวิตกลับคืนสู่ระบบอาหาร แสดงความเชื่อมโยงของระบบอาหาร ตั้งแต่ระดับจุลภาคจนถึงระดับมหภาค จากจุดเล็กๆ นำไปสู่โลกธรรมชาติรอบตัวเราอย่างลึกซึ้ง การสร้างศักยภาพแห่งการมองเห็นระบบธรรมชาติ ระบบนิเวศอาหาร จานข้าวที่อยู่หน้าเราสามารถทำให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความเชื่อมโยงจากเมล็ดพันธุ์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้งหลายที่มีอยู่ในธรรมชาติประกอบกันเป็นอาหาร มีผู้คนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน ในแง่นี้ อาหารเป็นเครื่องมือช่วยให้ความใส่ใจมองเห็นเป็นรูปธรรม
‘ทางออกอยู่ภายใน: วิกฤตเชิงซ้อนเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาจิตสำนึก’ โทมัส เลอกรองด์ในฐานะปาฐกเขานำประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอันส่งผลต่อเส้นทางชีวิต การรู้สึกสัมผัสกับพลังอันลี้ลับดลใจให้เขาหันมาสู่การศึกษาสำรวจจิตวิญญาณจากหลายสายธาร วิกฤตในโลกทุกวันนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเช่นกัน ที่ต้องฝ่าข้ามการพังทลาย “breakdown” มาสู่ความเป็นไปได้ “breakthrough” ในการฝ่าข้ามวิกฤตเชิงซ้อนร่วมกัน เขาเริ่มต้นการฝ่าข้ามวิกฤตจากระบบอาหารที่ผูกโยงกับการปลูกจิตสำนึก
จิตสำนึกต่อระบบอาหารในวงเอเชียทอล์ก เรื่องราวเล็กๆ ในวงแสดงถึงโลกทัศน์ของ “ระบบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ” จำเป็นต้องมีคุณภาพด้านในของผู้เกี่ยวข้องทั้งระดับปัจเจกบุคคลและปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในระบบอาหาร นับเป็นเสน่ห์ของชุดกิจกรรมจักรวาลในชามข้าว น่าประทับใจในความหลากหลายเรื่องราวจากหลายวัฒนธรรม มีเรื่องที่ร่วมกันด้านจิตวิญญาณอาหารสร้างจิตสำนึกของผู้คนในรูปแบบต่างๆ กันไป แรงบันดาลใจจากการลงมือทำ เกิดการเรียนรู้และนำมาถ่ายทอดได้อย่างมีพลัง การร่วมมือของคนกินและคนปลูกสร้าง ‘ตลาดเกษตรกรในกรุงปักกิ่ง’ ชางเทียนเลอเห็นบทบาทของผู้บริโภคที่ควรมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม ควรรู้ว่าการเลือกซื้อและไม่ซื้อสิ่งใดย่อมส่งผลต่อภาพรวมสังคมและโลกใบนี้ ลีน่ากับซีสวีแกนของเธอ จากเม็ดมะม่วงหิมพานอินทรีย์ เธอพบความหมายของชีวิตที่ส่งผลต่อโลกใบนี้ ”การกินของเราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้” ปัจจุบันเรื่องราวจากกิจการของเธอได้สร้างแรงบันดาลใจต่อคนหนุ่มสาวในประเทศเวียดนาม เรื่องราวของเครือข่ายชาวนาที่ถ่ายทอดจากราเกรซ พบว่าเกษตรกรต้องการพลังใจอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับภาวะที่พวกเขาประสบโดยเฉพาะความไม่เป็นธรรม การค้นพบศักยภาพตนและแนวทางสันติอหิงสาธรรมช่วยทำให้เกษตรกรหลายพันคนต่อสู้กับวิกฤตได้อย่างมีหลักคิดและหลักยึด เรื่องราวของดอกไม้เล็กๆ จาก ‘ป้าหน่อยเฮลท์’ กับ ‘อาหารแม่แห่งความคิดถึง’ เรียกความทรงจำของผู้เข้าร่วมด้วยความสั่นสะเทือน เช่นเดียวกับกิจกรรม Survival Food อาหารบันดาลชีพ ในบูท Food Spirit นำโดยนออ่อง Tamarind Valley Farm เขาอยู่ในภาวะสงครามความขัดแย้ง การทำงานในฟาร์มสร้างความหวังจากพื้นดินที่ให้ผลผลิตคืออาหาร ในบทกวีของเขาชื่อ อาหารบันดาลชีพ (ปกรณ์ เลิศเสถียรชัยแปลไทย)
แม้วันที่ไร้ใครอยู่เคียงข้าง
ผืนโลกไม่เรื้อร้างรอเราเสมอ
โลกไม่ใช่ดินเท่าที่เท้าเธอ
แต่เสนอสถิตสถานวิญญาณนิรันดร์
จากผืนโลกชีวิตผลิตงอก
จนแตกออกเป็นสายธารการรังสรรค์
ผืนโลกสร้างกายใจเราด้วยกัน
เถิดเราจงประคองขวัญมั่นภายใน
น้อมกำนัลผืนโลกจากกลางจิต
ดังผืนโลกนิรมิตชีวิตให้
และถนอมปิติสุขไว้กลางใจ
คงความไม่หวั่นไหวในชีวิต
CoFSA Food Spirit Engagement Workshop คำถามสำคัญคือการฟื้นคืนชีวิตให้กับระบบอาหารในระดับบุคคล ระดับสังคม จนถึงระดับสากลจะเกิดการเชื่อมโยงกลุ่มคนในที่ต่างๆ ได้อย่างไร เครือข่ายระบบอาหารที่มีจิตสำนึก CoFSA จึงได้กลายเป็นร่มใหญ่ให้กับการริเริ่มของกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยให้ไหลมารวมกัน
พื้นที่เปิด open space อย่างบูท Food Spirit กลายเป็นพื้นที่ยอดฮิต เป็นกันเอง ลื่นไหลให้สมาชิกกลุ่มมาพัก กินข้าว พบปะแบบไม่ต้องออกแบบ ทั้งวิทยากร ผู้เข้าร่วมชุดกิจกรรม และผู้เข้าร่วมงาน Soul Connect Fest ชอบวกเวียนมาพบปะกัน เป็นที่พบปะพูดคุย มีหนังสือดีมีคุณภาพในแนวจิตวิญญาณ คนมางานก็แวะมาดูมาซื้อ บางทีก็มีจัดกิจกรรมพิเศษ เป็นที่ lost and found ของการนัดหมายทั้งไทยและเทศ
การเดินทางออกนอกสถานที่บรรยากาศการร่วมเดินทาง กิจกรรมในงานไม่ได้เกิดขึ้นในอาคารสามย่านมิตรทาวน์เท่านั้น หมู่คณะครั้งนี้มีกิจกรรมออกนอกงาน เดินข้ามถนนลอดใต้อุโมงค์ เดินไปปเข้าเยี่ยมพบอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ที่บ้านซอยสันติภาพ การเดินทางเรือโดยสารไปกินมื้อเย็นร่วมกัน กิจกรรมเสริมไม่เป็นทางการสร้างชีวิตชีวา อยู่ในสถานการณ์จริงสร้างสายสัมพันธ์ของผู้คน บรรยากาศการร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ทำให้ทุกคนมีความสุขเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวกันแม้ในระยะเวลาสั้นๆ
ผลพวงและการเรียนรู้
กระบวนการจิตวิญญาณอาหารแสดงถึง: พลังงาน พลังชีวิต พลังสังคม อาหารให้พลังงาน (energy) ที่ร่างกายต้องการ ให้พลังชีวิตความมีชีวิตชีวา (life force) พลังสังคมความร่วมมือ (social food/collaborative foods)
อาหารคือการดูแลร่วม ‘Food as a Commons’ อาหารมาจากระบบธรรมชาติ ระบบนิเวศที่มนุษย์ทุกคนใช้และได้ประโยชน์ร่วมกัน นัยหนึ่งระบบนิเวศของโลกคือ ‘การดูแลร่วม’ commons เป็นของส่วนร่วม ของทุกคน ความรู้สึกว่าเราร่วมดูแลคือจุดเริ่มต้นของความรับผิดชอบที่เราทุกคนมีร่วมกันปกป้องรักษาโลกให้รอด ด้วยการกระทำในทุกวันของชีวิต การกินอาหารทุกวัน สามมื้อของเราเป็นเรื่องสำคัญและมีความหมายมาก วิถีการกินที่มีจิตสำนึกเปลี่ยนโลกได้
เราได้อะไร สังคมได้อะไร
บทบาทวิถีสุขภาวะทางจิตวิญญาณต่อการแก้ไขปัญหาทางสังคมที่มีรูปธรรม (solution-based spiritual health)
นอกจากบทบาทในระดับพฤติกรรมของแต่ละปัจเจกบุคคลแล้ว คุณูปการของวิถีสุขภาวะทางปัญญา/จิตวิญญาณยังรวมถึงระดับสังคม พิจารณาได้จากการเชื่อมต่อวิถีสุขภาวะทางปัญญา/จิตวิญญาณกับการรับมือต่อภาวะวิกฤตต่างๆ ในมิติทางสังคม ตั้งแต่ระดับ เป้าหมายการพัฒนาภายใน (Inner Development Goals – IDGs) ระบบอาหารที่มีจิตสำนึก ยังมีการร่วมมือกันที่จะสร้างสรรนวัตกรรมทางสังคม
ความร่วมมือ: เครือข่ายระบบอาหารที่มีจิตสำนึก (CoFSA) แผนสุขภาวะทางปัญญาผ่านโครงการ Food Spirit
แนวทางพัฒนาความร่วมมือและแผนปฏิบัติการต่อไป
ความร่วมมือพัฒนา CoFSA ในระดับต่างๆ CoFSA Asia รวบรวมการริเริ่มด้านระบบอาหารที่มีจิตสำนึกในหลายประเทศในเอเชีย CoFSA Mekhong Regional Hub เน้นประเทศในลุ่มน้ำโขงที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน CoFSA Thailand รวบรวมกลุ่มด้านจิตวิญญาณอาหารมาร่วมแลกเปลี่ยนพัฒนาเคส เพื่อเข้ารูปแบบจิตสำนึกที่มีต่ออาหาร การพัมนาโมดูลจิตวิญญาณอาหารที่จะเริ่มทดสอบในพื้นที่ทดลองในเดือนพฤษภาคม 2568
การจัดพิมพ์หนังสือ Politics of Being และกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง หนังสือเล่มนี้เขียนโดยโทมัส เลอกรองด์ เขาใช้เวลาถึง 10 ปีเพื่อรวบรวมความรู้ เนื้อหาครอบคลุมด้านจิตวิญญาณในทุกแง่มุม สามารถเป็นไกด์บุ๊คด้านเนื้อหาสาระสุขภาวะทางจิตวิญญาณ มีส่วนผสมของการศึกษาค้นคว้าในภูมิปัญญาทั้งโลกตะวันออกและวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย wisdom and science อ่านง่ายเหมาะกับการเผยแพร่ในวงกว้าง สามารถนำแต่ละหัวเรื่องในแต่ละบทมาทำกิจกรรมหรือสร้างโมดูลตามเนื้อหาของบทนั้นๆ ที่มาของแนวคิดทางจิตวิญญาณในหัวเรื่องต่างๆ บอกเล่าพัฒนาการ และการผนวกรวมอยู่ในแนวคิดกระแสหลัก เช่น เรื่อง mindfulness ในบทที่ 9 ที่แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางจนรัฐบาลประเทศอังกฤษประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ Mindful Nation UK เป็นต้น
การทดลองนำเสนอกิจกรรม Mindful eating ในโรงเรียนและทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อเด็กนักเรียนในโครงการโรงเรียนนำร่อง mindful eating pilot schools
[1] เทศกาลนี้จัดที่ชุมชนบ้านเขาไม้แก้วและชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Food Spirit I
[2] ดั่งงานเขียนของดร.วันทนา ศิวะเรื่อง Making Peace with the Earth
[3] ความสามารถเชื่อมโยงบูรณาการ (Integration Agency) เรียบเรียงโดยฮันส์ แวนวิลเลียนส์วาร์ด
Comments