T1-8 | เสวนา “เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง”
- Jitwiwat
- May 5
- 1 min read
1 มี.ค. 68 14:00-15:45 น. เวทีกลาง สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์
เจ้าภาพ : วิเศษ บํารุงวงศ์ ธนาคารจิตอาสา
นําเสวนา : ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผอ.ร่วมธนาคารจิตอาสา และความสุขประเทศไทย, ดร.พจนารถ ซีบังเกิด Jimi The Coach Group, ผศ.ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ บจก.ชูใจ กะ กัลยาณมิตร
ผู้ดําเนินรายการ : แชมป์ ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
ในโลกที่ความเหงากำลังเป็นภัยคุกคามใหม่ ความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันกลายเป็นหนึ่งภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด แต่เราจะสร้างมันได้อย่างไร โดยเฉพาะในวันที่โลกมีแต่คนอยากพูด?
ชวนมารับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าและบทเรียนสำคัญจาก “แคมเปญเดือนการฟังแห่งชาติ” จาก 4 มุมมองของผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้งธุรกิจ นโยบาย สุขภาวะ ไปจนถึงโฆษณา การฟังที่ดีเป็นอย่างไร ทำไมการฟังถึงคลายความเหงา เราจะสร้างสังคมที่ปลอดความเหงาด้วยการฟังได้หรือไม่ เสวนานี้มีคำตอบ
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม
สรุปใจความสำคัญ
ในเสวนาและเวิร์กชอป “เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง” ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการฟังที่ไม่ใช่แค่การรับคำพูดจากผู้อื่น แต่ยังเป็นการฟังจากใจของคนที่พูด การฟังอย่างลึกซึ้งทำให้เกิดความเข้าใจที่เหนือกว่าคำพูดและส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างบุคคล โดยเฉพาะในโลกที่ความเหงากำลังเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้น การเชื่อมโยงถึงกันและกันผ่านการรับฟังสามารถสร้างความเข้าใจและลดการแยกตัวหรือความโดดเดี่ยวที่เกิดจากการขาดการเชื่อมต่อจริงๆ ในสังคม ทั้งในระดับปัจเจกและองค์กร การฝึกฝนทักษะการฟังอย่างจริงจังและใส่ใจสามารถสร้างความร่วมมือและความเข้าใจที่ดีกว่า ทำให้สามารถฟังอย่างเต็มที่ และช่วยให้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นโดยไม่ตัดสิน
กิจกรรมนี้ยังได้นำเสนอแนวคิดใหม่ในการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับการรับฟัง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเปิดใจและอนุญาตให้ตัวเองและผู้อื่นสามารถแสดงความรู้สึกได้โดยไม่ถูกตัดสิน กระบวนการนี้มีผลต่อการสร้างสันติภาวะภายใน ทำให้ผู้ฟังและผู้พูดสามารถมีความสงบภายในและลดการป้องกันตัวเองเมื่อมีการสื่อสาร นอกจากนี้ยังมีการทำเวิร์กชอปการฝึกฟังที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารในชีวิตจริง
การฟังอย่างลึกซึ้งในกิจกรรมนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของการรับฟังเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างคนในสังคม ความใส่ใจในการฟังช่วยให้เราเข้าใจและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่นได้อย่างแท้จริง และยังส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญาและจิตวิญญาณให้กับทั้งผู้ฟังและผู้พูด การรับฟังอย่างเต็มที่สามารถช่วยพัฒนาผู้ฟังเองให้มีความเข้าใจมากขึ้น ลดอคติและเพิ่มพูนทักษะในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในทางที่ดีและสมดุล การสร้างสังคมที่ไม่เหงาจึงเริ่มต้นจากการรับฟังอย่างแท้จริงและสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้สึก
การฟังเป็นปัจจัยพื้นฐานในการหล่อเลี้ยงความรักและความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทั้งความรักแบบคู่รัก ความรักในครอบครัว ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และความสัมพันธ์ในสังคม การอยู่กับคนตรงหน้า 100% ช่วยเปิดหัวใจให้การฟัง
ปกติเวลาฟังคนพูด เรามักจะมีความเห็นความคิดเหมือนเป็นเสียงเล็ก ๆ ในหัวเรา ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือแอบเถียงอยู่ในใจเพราะเห็นต่าง เสียงในหัวเหล่านี้มักมักจะตัดสินสิ่งที่เราได้ยินแทบตลอดเวลา เราไม่ต้องพยายามบังคับควบคุมสิ่งเหล่านั้น การฟังที่ดีคือ รับรู้ เข้าใจ และเท่าทัน ว่าเรากำลังมีเสียงความคิดขึ้นมาในหัว แค่หรี่เสียงเหล่านั้นลง ไม่ไปคิดหรือไปคุยกับเสียงนั้นต่อ แล้วกลับมาอยู่กับการฟังให้ความสำคัญกับคนตรงหน้า
ส่วนใหญ่เวลาเราฟังเรามักไปสนใจที่ตัวเนื้อเรื่อง แต่การที่ที่จะ connect กับคนตรงหน้าได้ เกิดจากการที่เราได้เชื่อมต่อกับความรู้สึกของเขาผ่านการสังเกตสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงของเขา ลองให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขามากกว่าการที่จะโดนตัดสินหรือช่วยแก้ไข และขณะเดียวกันก็ต้องสังเกตและรับรู้ความรู้สึกของเราเองด้วย เพื่อจะกลับมาดูแลตัวเองและดูแลความสัมพันธ์ไปด้วยกัน
“การฟังคือหน้าที่แรกของการรัก
การให้เวลาเพื่อฟังคนตรงหน้า คือการให้ชีวิตส่วนหนึ่งของเรา
เป็นการบอกคู่สนทนาว่า เขามีค่า เขาเป็นคนสำคัญของเรา”
Comments