T1-5 | เสวนา “รับมือความเกลียดชัง ข้อมูลลวงออนไลน์ยุค 4.0 ด้วยปัญญารวมหมู่ COLLECTIVE WISDOM VS DIGITAL HATE: NAVIGATING THE DEEPTECH ERA”
- Jitwiwat
- May 7
- 2 min read
Updated: Aug 10
1 มี.ค. 68 10:00-11:30 น. เวทีกลาง สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์
เจ้าภาพ : สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งโคแฟค (ประเทศไทย) (COFACT Thailand)
นําเสวนา : สุภิญญา กลางณรงค์, สุนิตย์ เชรษฐา ผอ.สถาบัน ChangeFusion, นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ประธานกรรมการวิสาหกิจเพื่อสังคมจิตวิทยาสติ, ซิสเตอร์ศรีพิมพ์ ซาเวียร์, OSU ผอ.ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมระดับชาติ, วสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา, ชมพูนุท เฉลียวบุญ ผจก.โครงการภูมิภาค Westminster Foundation for Democracy (WFD) และ ณภัทร ชุ่มจิตตรี (คิงก่อนบ่าย) นักแสดงรายการสภาทอล์ค ช่องไทยรัฐทีวี
ผู้ดําเนินรายการ : ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการโครงการมูลนิธิฟรีดริช เนามัน (ประเทศไทย)
กล่าวปิด : พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ผอ.สถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ (สกพ.)
ภัยคุกคามโลกออนไลน์อย่างความเกลียดชังและข้อมูลที่บิดเบือนส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง ดังที่สภาเศรษฐกิจโลกได้กำหนดให้ข้อมูลบิดเบือนและความเกลียดชังออนไลน์เป็นความเสี่ยงของโลกอันดับต้น ๆ ของปีนี้
ในเวทีเสวนามีตัวแทนมุมมองที่หลากหลาย ทั้งภาควิชาการ องค์กรสิทธิมนุษยชน นักแสดง ผู้นำศาสนา และภาคประชาสังคม มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทบทวนว่า การส่งเสริมปัญญารวมหมู่และสุขภาวะทางปัญญา จะเป็นทางออกในการรับมือปัญหานี้ได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงการมีข้อเสนอเชิงนโยบายด้วย
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ
ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม
สรุปใจความสำคัญ
ในเสวนา “รับมือความเกลียดชัง ข้อมูลลวง ออนไลน์ 4.0” ผู้เข้าร่วมได้รับฟังการนำเสนอเกี่ยวกับสถานการณ์ข้อมูลความเกลียดชัง (Hate Speech) ที่แพร่กระจายในโลกออนไลน์และผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี และประเทศไทย ซึ่งการเผยแพร่ข้อมูลลวงหรือเกลียดชังมีความเกี่ยวข้องกับความแตกต่างด้านเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และอุดมการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในสังคมและสร้างความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนต่างๆ
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการแบ่งปันประสบการณ์จากบุคคลในหลากหลายอาชีพ เช่น นักแสดง นักการเมือง ผู้นำศาสนา และนักสิทธิมนุษยชน เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากข้อมูลลวงเหล่านี้ และแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่พวกเขาใช้ในการรับมือกับปัญหา การเสวนาครั้งนี้ยังได้ยกตัวอย่างการดำเนินการขององค์กรต่างๆ ในการจัดการกับข้อมูลลวง โดยการสร้างแพลตฟอร์มตรวจสอบข้อมูลและการส่งเสริมการใช้สติในการรับมือกับข่าวสารออนไลน์ โดยย้ำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและไม่ส่งต่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
ข้อสรุปหลักจากการเสวนาคือ การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงองค์กร เพื่อหยุดการส่งต่อข้อมูลลวงและส่งเสริมการใช้ “สติ” ในการรับมือ การส่งต่อความรักแทนความเกลียดชังเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดปัญหานี้ โดยการมีแพลตฟอร์มที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลและการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสามารถสร้างความเข้าใจและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้
การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ช่วยสร้างความเข้าใจในปัญหาที่เกิดจากการใช้ข้อมูลลวงและความเกลียดชังในโลกออนไลน์ รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้ผู้ได้รับผลกระทบได้แบ่งปันประสบการณ์และรับฟังเพื่อเยียวยาจิตใจ การร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่สงบสุขและลดความขัดแย้งที่เกิดจากความแตกต่าง ในขณะเดียวกัน การใช้สติและการส่งเสริมความรักยังช่วยพัฒนาสุขภาวะทางจิตวิญญาณและส่งเสริมให้ทุกคนมีบทบาทในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและมีความสุข
การรับมือกับข้อมูลความเกลียดชังและข้อมูลลวง (Hate Speech) ในโลกออนไลน์ต้องเริ่มจากการร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่บุคคลไปจนถึงระดับสังคม โดยการใช้สติและการไม่ส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาดหรือบิดเบือน เมื่อทุกคนรับรู้ถึงผลกระทบจากการเผยแพร่ข้อมูลลวง ก็สามารถร่วมมือกันในการตรวจสอบและสกัดกั้นข้อมูลเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างแพลตฟอร์มเพื่อตรวจสอบข้อมูลลวง เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการรับมือกับปัญหานี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สื่อออนไลน์สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ
การส่งต่อความรักแทนความเกลียดชัง (Hug ภาษาอีสาน แปลว่ารัก) เป็นหลักการสำคัญที่ช่วยสร้างสังคมที่สงบสุขและลดความขัดแย้ง โดยทุกคนควรใช้ความรักในการตอบโต้ความเกลียดชังในโลกออนไลน์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันที่ดีกว่า
การสร้างพื้นที่รับฟังและการเข้าใจผู้ได้รับผลกระทบ เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือและรักษาจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลลวง การฟังอย่างลึกซึ้งสามารถช่วยให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยว และทำให้การแก้ปัญหาเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
การพัฒนาแนวทางเชิงนโยบาย เพื่อยับยั้งการสร้างข้อมูลที่แสดงความเกลียดชังและส่งต่อไปในโลกออนไลน์ ถือเป็นการสร้างสังคมที่มีสุขภาวะทางปัญญาและจิตวิญญาณ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้นทั้งในระดับบุคคลและสังคม
ผู้เขียน ทีมจัดการความรู้ สุขภาวะทางปัญญา' 68
สะท้อนความคิด ความรู้สึก และข้อค้นพบสำคัญ
ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากแห่งโลกดิจิทัล ที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าดั่งสายน้ำหลาก ทั้งจริงและเท็จปะปน ยากจะแยกแยะ ดุจพายุร้ายที่โหมกระหน่ำกัดกร่อนความเชื่อมั่นและบั่นทอนจิตใจผู้คน "ความเกลียดชัง" และ "ข้อมูลลวง" ได้แผ่ซ่านราวกับเงาอำมหิต ปกคลุมสังคมออนไลน์ ก่อเกิดเป็นบาดแผลลึกในจิตวิญญาณของมนุษย์
ในห้วงเวลาแห่งความมืดมิดนี้เอง แสงแห่งความหวังก็ยังคงส่องประกาย เมื่อเหล่าปัญญาชน ผู้ตระหนักถึงภัยร้าย ได้รวมตัวกัน ณ เวทีเสวนา "รับมือความเกลียดชังและข้อมูลลวงออนไลน์ยุค 4.0 ด้วยปัญญารวมหมู่" ดุจการชุมนุมของหมู่ดาวที่ส่องสว่างนำทางในยามค่ำคืนอันมืดมิด
วันที่ 1 มีนาคม 2568 มิใช่เพียงวันธรรมดา หากแต่เป็นหมุดหมายสำคัญแห่งการรวมพลังทางจิตวิญญาณ เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ ภายใต้ชื่ออันลึกซึ้ง "Collective Wisdom vs. Digital Hate: Navigating the DeepTech Era" คล้ายเป็นการประกาศศักดาแห่งภูมิปัญญาร่วม เพื่อนำทางฝ่าคลื่นลมแห่งยุคเทคโนโลยีขั้นสูง
เสียงของผู้ทรงภูมิรู้จากหลากหลายศาสตร์สาขา ดังก้องกังวานราวเสียงระฆังแห่งสติ เตือนให้ผู้คนตื่นจากห้วงแห่งความหลงใหลในโลกมายาออนไลน์
คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้เปรียบเสมือนนักรบแห่งความจริง จากโคแฟค (ประเทศไทย)
คุณสุนิตย์ เชรษฐา ผู้จุดประกายแห่งการเปลี่ยนแปลง จากสถาบัน ChangeFusion
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ผู้เยียวยาจิตใจด้วยธรรมะแห่งสติ
ซิสเตอร์ศรีพิมพ์ ซาเวียร์, OSU ผู้หยั่งรากลึกแห่งความเมตตาด้วยศาสนา
คุณวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้พิทักษ์สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์
คุณอังคณา นีละไพจิตร ผู้กล้าแกร่งในเวทีแห่งกฎหมาย
คุณชมพูนุท เฉลียวบุญ ผู้เชื่อมร้อยความร่วมมือจากนานาชาติ และ
คุณณภัทร ชุ่มจิตตรี (คิงก่อนบ่าย) ผู้ใช้เสียงแห่งศิลปะเพื่อสะท้อนสังคม
ต่างร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ดุจสายธารแห่งปัญญาที่ไหลรินชำระล้างความมัวหมองในจิตใจ
ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้ดำเนินรายการ
เปรียบเสมือนนายเรือผู้ชำนาญ นำพาการสนทนาให้ดำเนินไปอย่างลุ่มลึก และมีชีวิตชีวา
ขณะที่เสียงกล่าวปิดอันเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม จากพระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ดังก้องกังวาน ราวกับเสียงสวดมนต์ที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ และนำทางสู่ความสงบ
เวทีเสวนาครั้งนี้ มิได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้ หากแต่เป็นการรวมพลังแห่งจิตวิญญาณ เพื่อต่อต้านความมืดมิดของความเกลียดชังและข้อมูลลวง การแสวงหา "ปัญญารวมหมู่" มิใช่เพียงกลไกทางความคิด แต่เป็นการปลุกพลังแห่งความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และความสามัคคีในจิตใจของผู้คน เพื่อสร้างเกราะกำบังจากภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามาในโลกออนไลน์
แม้ในโลกที่เทคโนโลยี DeepTech อาจดูเย็นชาและไร้หัวใจ แต่พลังแห่ง "ปัญญารวมหมู่" ที่ถักทอจากความรู้สึก และความเชื่อมั่นของมนุษย์ จะเป็นดั่งแสงตะวันอันอบอุ่น ที่สามารถละลายน้ำแข็งแห่งความเกลียดชัง และนำพาโลกออนไลน์ไปสู่ทิศทางที่สว่างไสวและเปี่ยมด้วยความหวังอีกครั้ง
การถ่ายทอดสดย้อนหลัง มิใช่เพียงบันทึกเหตุการณ์ แต่เป็นประตูแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง ให้ผู้ที่ปรารถนาความจริงและความดีงาม ได้เข้ามาสัมผัสพลังแห่งปัญญาร่วม และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมออนไลน์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและสันติสุข
บทสรุปโดยย่อจากการเสวนา "รับมือความเกลียดชังและข้อมูลลวงออนไลน์ยุค 4.0 ด้วยปัญญารวมหมู่"
การเสวนาแบ่งเป็น 2 ช่วง
ช่วงที่ 1: สำรวจสถานการณ์การสร้างความเกลียดชังในโลกออนไลน์และมาตรการรับมือโดย คุณสุนิตย์ เชรษฐา กรรมการผู้จัดการ ChangeFusion ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรภาคีผู้ร่วมก่อตั้งโคแฟค บรรยายนำในประเด็นสำรวจสถานการณ์การสร้างความเกลียดชังในโลกออนไลน์และมาตรการรับมือของประเทศต่าง ๆ และ ช่วงที่ 2: วงเสวนา ดำเนินรายการโดย ดร. พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการโครงการมูลนิธิฟรีดริชเนามันฯ
ช่วงที่ 2: วงเสวนา ดำเนินรายการโดย ดร. พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการโครงการมูลนิธิฟรีดริชเนามันฯ
ผู้ร่วมเสวนา 6 ท่านประกอบด้วย นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ประธานกรรมการวิสาหกิจเพื่อสังคม จิตวิทยาสติ, คุณณภัทร ชุ่มจิตตรี นักแสดงและอดีตผู้สมัคร สส., ซิสเตอร์ศรีพิมพ์ ซาเวียร์ ผู้อำนวยการศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมระดับชาติ, คุณอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา, คุณชมพูนุท เฉลียวบุญ ผู้จัดการโครงการภูมิภาค Westminster Foundation for Democracy (WFD) และคุณวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งแต่ละท่านได้แบ่งปีนประสบการณ์ ‘การถูกใส่ความด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ’ และ ‘การรับมือในสถานการณ์นั้น’ เพื่อรักษาใจและกายของตนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
สามารถอ่านรายละเอียดได้ https://blog.cofact.org/soul-connect030168/
ช่วงสุดท้ายของเวทีเสวนา โคแฟคในฐานะผู้จัดได้นิมนต์พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ (สกพ.) ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียกล่าวปิดการเสวนาผ่านทางระบบประชุมออนไลน์ พระมหานภันต์เสนอว่า ภูมิปัญญารวมหมู่เพื่อแก้ปัญหา hate speech ด้วยคำว่า ‘ความใส่ใจ’ กันและกัน คำว่า CARE ซี่งจะช่วยให้เรารับมือกับความเกลียดชังและเนื้อหาเท็จออนไลน์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ ประกอบด้วย
C คือ Connect เชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกันในทางที่ดี
A คือ Aware ตระหนักรู้ถึงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างเหมาะสม
R คือ Responsibility การป้องกันและรับมือกับการสร้างความเกลียดชัง เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ทั้งหน่วยงานราชการผู้บังคับใช้กฎหมาย องค์กรเอกชนเจ้าของแพลตฟอร์ม รวมถึงผู้ใช้สื่อ ซึ่งเป็นผู้สร้างสื่อด้วยเช่นกัน
E คือ Energize ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเสริมพลังซึ่งกันและกัน อย่าให้คนที่ทำงานต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีงามและสิทธิมนุษยชนต้องโดดเดี่ยว
เป้าประสงค์ของการเสวนาครั้งนี้ คือการใคร่ครวญถึงพลังแห่ง "ปัญญารวมหมู่" หรือ Collective Wisdom ว่าจะสามารถเป็นเกราะกำบังและอาวุธในการต่อกรกับความเกลียดชังและข้อมูลลวงที่ถาโถมเข้ามาในโลกดิจิทัลได้อย่างไร ผู้เข้าร่วมต่างร่วมกันเปิดอก แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเสนอแนะนโยบายอันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ในการนี้ ประเด็นสำคัญต่างๆ ได้ถูกนำมาพิจารณาอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน ดังต่อไปนี้
สถานการณ์ที่น่ากังวล: ผู้ร่วมเสวนาได้ร่วมกันฉายภาพถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ความเกลียดชังและข้อมูลลวงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ทั้งในด้านจิตใจ เศรษฐกิจ และความมั่นคง
บทบาทของเทคโนโลยี: การเสวนาได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริทึม ซึ่งอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลลวงและความเกลียดชัง
พลังแห่งปัญญารวมหมู่: ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาว่า ปัญญารวมหมู่จะสามารถนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และลดผลกระทบด้านลบของข้อมูลลวงและความเกลียดชังได้อย่างไร
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน: ผู้เข้าร่วมเสวนาเห็นพ้องต้องกันว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: ที่ประชุมได้มีการนำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่หลากหลาย อาทิ
การส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ และทักษะการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลให้กับประชาชนในทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย เพื่อสามารถรับมือข้อมูลลวงออนไลน์
การทบทวนกลไกทางกฎหมาย และกลไกการสังคม เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
การทบทวนบทบาทของแพลตฟอร์มผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อรับผิดชอบต่อผู้ใช้งาน และ
การทบทวนกลไกการคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับความเสี่ยงจากปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารโดยไอโอ (IO)
การให้บริการให้คำปรึกษาแก่คนที่ประสบปัญหาตั้งแต่ต้น เพื่อสามารถเข้าถึงการรักษาสุขภาพจิตได้มากขึ้น
แม้จะมิได้มีการสรุปผลลัพธ์หรือข้อเสนอแนะที่ชัดเจนในข้อมูลเบื้องต้น แต่การรวมพลังของเหล่าผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกสารทิศในการเสวนาครั้งนี้ นับเป็นก้าวอันสำคัญยิ่งในการปลุกจิตสำนึก และแสวงหาแนวทางร่วมกัน เพื่อปกป้องสังคมจากภัยคุกคามของความเกลียดชังและข้อมูลลวงในโลกดิจิทัลอันไร้พรมแดนนี้
Comments