top of page

T1-2 | เวิร์คชอป “จิตวิทยาสติ: ตะวันออกพบตะวันตก”

Updated: Jun 4

28 ก.พ. 68 10:00-11:30 น. ห้องประชุมชั้น 11 โรงแรมทริปเปิ้ลวาย

เจ้าภาพและวิทยากร : นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ประธานกรรมการวิสาหกิจเพื่อสังคมจิตวิทยาสติ


“จิตวิทยาสติ” เป็นศาสตร์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เข้าใจง่าย ฝึกให้ปฏิบัติง่าย และนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ง่าย ทั้งพัฒนาคน องค์กร และการบำบัด ได้รับการพัฒนาที่มีรากฐานจากหลักและวิธีปฏิบัติของพุทธธรรม แต่อธิบายด้วยจิตวิทยาและศาสตร์ของสมอง ที่ชี้ให้เห็นว่าการฝึกสมาธิและสติทำให้คลื่นสมองเปลี่ยนไปจากภาวะจิตพื้นฐาน (หลับ-ตื่น) โดยสมองส่วนหน้าจะทำงานมากขึ้น สมองส่วนอารมณ์ทำงานน้อยลง สมองที่เกี่ยวกับการจดจ่อ ความเมตตา การให้อภัยทำงานดีขึ้น ผู้ร่วมเวิร์กชอปจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทดลองฝึกปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ active learning และเห็นแนวทางการนำไปใช้ต่อ



ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ


ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม



สรุปใจความสำคัญ


คนในสังคม ในองค์กร มีความเครียดสะสม โดยที่ส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีคลายเครียดที่แท้จริง แต่หลงไปแก้ปัญหาโดยใช้การเบี่ยงเบนความเครียดด้วยสิ่งภายนอก เช่น การดูหนัง ฟังเพลง ชอปปิง ฯลฯ ซึ่งเมื่อหยุดกิจกรรมเหล่านั้นความเครียดก็จะยังกลับมาเช่นเดิม ขณะเดียวกันโครงการจิตวิทยาสติมองว่าการฝึกสติ/สมาธิแนวทางอื่นๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายแนวทางนำมาปฏิบัติให้ต่อเนื่องในชีวิตประจำวันได้ยาก จึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะจิต

 

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ เป็นผู้ที่ฝึกปฏิบัติอานาปานสติและนำวิทยาศาสตร์การทำงานของสมองมาใช้อธิบายการฝึกสติและสมาธิ เป็นการผสานศาสตร์ของตะวันออกและตะวันตก ทำให้เกิดการปฏิบัติที่เข้าใจได้ง่าย ท่านนำเสนอแนวคิดเรื่องการพัฒนาสภาวะจิตจาก “จิตพื้นฐาน (Fundamental Consciousness)” ไปสู่ “จิตขั้นสูงกว่า (Higher Consciousness)” ที่ประกอบด้วยการพัฒนาจิตให้พักและทำงานอย่างมีคุณภาพด้วย สมาธิ (Tranquility) และ สติ (Mindfulness) และนำเสนอวิธีการฝึกฝนเบื้องต้นที่จะช่วยพัฒนาสมาธิและสติ ผ่านการทดลองทำและมีประสบการณ์ตรงไปด้วยกัน ซึ่งวิธีการหลักคือใช้การรับรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกผสมผสานกับการรับรู้กิจกรรมที่กำลังทำในปัจจุบันขณะในการฝึกสติ

 

ข้อสรุปหลักๆ ที่ได้จากการเวิร์คชอป ได้แก่


สมาธิเป็นจิตที่ตั้งมั่น (ในโปรแกรมนี้คืออยู่กับลมหายใจเบาๆที่ปลายจมูก) ทำให้จิตหยุดคิดจนเกิดความสงบและผ่อนคลาย ที่ตรงข้ามกับจิตพื้นฐานที่สะสมอารมณ์ความเครียด ทำได้โดยรู้ลมหายใจอย่างเดียว จัดการกับความคิดที่มาจากจิตสำนึกโดยรู้ตัว ไม่คิดตาม และจัดการกับความง่วง

 

การฝึกสมาธิมีประโยชน์คือ ความสงบและความผ่อนคลายซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพจิตและกาย ช่วยการทำงานหลังจากฝึกสมาธิ ที่สำคัญที่สุดคือ จิตที่สงบจากสมาธิ จะฝึกสติได้ง่าย

 

สติเป็นจิตที่อยู่กับปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จึงไม่วอกแวกง่าย และควบคุมอารมณ์/ความคิดได้ดีขึ้น จึงตรงข้ามกับจิตพื้นฐาน

 

วิธีการฝึกให้จิตอยู่กับกิจที่ทำในปัจจุบันทำโดยการรู้ลมหายใจไว้บางส่วน ช่วยทำให้รู้ในกิจที่ทำได้ดีขึ้น

การฝึกสติขั้นสูงสุดคือสติในจิตคือ รู้ลมหายใจ รู้ความคิดและความรู้สึก สามารถฝึกได้ด้วยการฝึก Body scan เมื่อเจอความรู้สึกรุนแรงที่จิต

 

ด้วยหลัก “3 ง่าย” เข้าใจง่าย เรียนรู้ง่าย ใช้งานง่าย ผู้ขับเคลื่อนจิตวิทยาสติเชื่อว่า คนที่ฝึกสติ/สมาธิในแนวทางนี้จะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น เช่น ประยุกต์เข้ากับเรื่องความเครียด การสื่อสาร การประชุม หรือการทำกิจวัตรอื่นๆ จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะจิตได้จริง

 

คุณค่าที่ได้รับคือแนวทางที่ส่งเสริมความร่วมมือและการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขขึ้น ระหว่างคนในครอบครัว องค์กร/ชุมชน และไปสู่ระดับสังคมในวงกว้างขึ้นได้ จากการที่ผู้ฝึกฝนสามารถลดการถูกครอบงำโดยอารมณ์ วางใจเป็นกลาง จัดการอารมณ์และความคิดของตัวเองได้ดีขึ้น สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเห็นอกเห็นใจทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังจดจ่อในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

การที่คนมีสภาวะจิตที่มั่นคง สมดุล สามารถวางใจเป็นกลางได้มากขึ้นเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ส่งผลต่ออารมณ์และความคิด ก็มีส่วนช่วยให้รับมือกับความขัดแย้งได้ดีขึ้น มีแนวโน้มที่ระดับความโกรธ เกลียด เป็นปฎิปักษ์ต่อกันจะลดลงได้ เริ่มเกิดสันติในใจและส่งผลกับภายนอก

 

การพัฒนาสมาธิ สติ เป็นการยกระดับสภาวะจิต และถือเป็นทักษะกลาง (Metaskill) ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา  โดยแนวทางจิตวิทยาสติเน้นไปที่การทำงานและกิจกรรมภายนอกที่เห็นได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อน ซึ่งอาจเป็นหนทางให้ผู้ฝึกปฏิบัติสามารถกลับมาเป็นสภาวะธรรมที่แท้จริงภายในตนเองได้ต่อไป

 


“รู้ลมหายใจ รู้ในกิจที่ทำ ช่วยทำให้ไม่วอกแวก

ไม่ถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์”



ผู้เขียน  ทีมจัดการความรู้ สุขภาวะทางปัญญา' 68






เรื่องเล่าความรู้สึก ความประทับใจในการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมในห้องย่อย อบรมจิตวิทยาสติ ตะวันออกกับตะวันตก

 

1. ก่อนถึงวันงาน

 

กลับสู่ที่มา หรือ แรงบันดาลใจ

 

คำถามสำคัญ: ใคร อะไร หรือสิ่งใดที่พาผู้จัดงานมาสู่การจัดการประชุมครั้งนี้ และทำไมสิ่งนั้นจึงสำคัญ


รายละเอียด: แรงบันดาลใจหลักมาจากการที่ คุณหมอยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ เป็นผู้ก่อตั้งโครงการจิตวิทยาสติสร้างสุขในองค์กร และประธานบริษัท จิตวิทยาสติ วิสาหกิจเพื่อสังคม เคยมีส่วนร่วมในการประชุมวิชาการสุขภาวะทางปัญญาเมื่อปีที่ผ่านมา คุณหมอเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากและยินดีที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ และผม ถวิล พัวภูมิเจริญ ผู้จัดการบริษัท จิตวิทยาสติ (วิสาหกิจเพื่อสังคม)  และผู้จัดการโครงการจิตวิทยาสติสร้างสุขในองค์กร ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วม เพราะตระหนักว่าเป็นเครือข่ายหนึ่งขององค์กรสุขภาวะที่ต้องการให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการมีจิตใจที่มีความสุขจากภายใน มีจิตวิญญาณที่ดี รู้เท่าทันความทุกข์ความสุข และมีความหวังในชีวิต การมีส่วนร่วมนี้ถือว่าสำคัญ

 

ย้อนคิดถึงการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ที่จัดขึ้น

 

คำถามสำคัญ: เราออกแบบอย่างไร และทำไมเราถึงเลือกเช่นนั้น

 

รายละเอียด: พื้นที่การเรียนรู้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่เคยออกแบบและใช้ในการจัดอบรมหลายครั้ง โดยจะจัดเก้าอี้นั่งโดยไม่มีโต๊ะ และจัดเป็น รูปครึ่งวงกลม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างการอบรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และวิทยากรสามารถใกล้ชิดกับผู้รับอบรมได้ดีขึ้น รูปแบบนี้ยังช่วยให้สามารถจัด กิจกรรมคู่และกิจกรรมกลุ่มได้ดี ทางคณะผู้จัดงานได้เตรียมการและมีการประชุมล่วงหน้า โดยมี คุณแพท ทีมงานเป็นผู้ประสานงาน เพื่อให้การออกแบบพื้นที่เอื้อต่อการอบรมและให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และประโยชน์สูงสุด

 

ผู้คนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำงาน

 

คำถามสำคัญ: เขาเป็นใคร สัมพันธ์กับเราอย่างไร มีเป้าหมายหรือความต้องการในการทำงานร่วมกันในครั้งนี้อย่างไร และเราได้ลงมือทำอะไรด้วยกันบ้างเพื่อให้ห้องย่อยของเรานั้นเกิดขึ้น

 

รายละเอียด: ผู้ที่เกี่ยวข้องหลักคือ คณะจัดงาน (คุณนิ้งและทีมงาน) ซึ่งเราขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการประสานงานอย่างเข้มแข็งและการประชาสัมพันธ์หัวข้อผ่านสื่อต่างๆ ได้ดี ทำให้มีผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมห้องย่อยจำนวนมาก (เป็นร้อย) มีการติดต่อและร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายอื่นๆ ที่มีความสนใจ รวมถึงการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เชื่อมต่อ ก็ทำได้ดี เป้าหมายร่วมกันคือ การบรรลุเป้าหมายของทั้งเจ้าหน้าที่และบริษัท จิตวิทยาสติ โดยมี คุณหมอเป็นวิทยากร ผมเป็นพิธีกร และน้องแพทเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงาน ทุกคนร่วมกันทำกิจกรรมครั้งนี้ อย่างราบรื่น



2. ในช่วงวันจัดงาน

 

ในวันจัดงานจริง มีสิ่งใดที่เราอยากจะบอกเล่าบ้าง

 

คำถามสำคัญ: สิ่งสำคัญอยู่ที่ความรู้สึกที่ชัดเจนหรือความเข้มข้นของเราต่อบางเรื่องราวที่เกิดขึ้น รับฟังความรู้สึกนั้น และอนุญาตให้ความรู้สึกนำทางไปสู่เรื่องราวสำคัญที่เราไม่อาจนึกมาก่อนว่านั้นคือสิ่งสำคัญ

 

รายละเอียด: ในวันจัดงานจริง มีหลายสิ่งที่อยากจะบอกเล่า โดยรู้สึกประทับใจคณะทำงาน ที่มีการประชุมเตรียมงานกันตั้งแต่เช้า มีการพูดคุยเรื่อง การเตรียมสไลด์ สถานที่ การบันทึก และเอกสารต่างๆ ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำให้กิจกรรมประสบผลสำเร็จ ฝ่ายลงทะเบียน ฝ่ายบันทึก และฝ่ายประสานงานต่าง ทำงานอย่างแข็งขัน ผู้เข้าร่วมอบรมทยอยเข้ามา แม้ว่าจะมีปัญหารถติดบ้าง ผู้บันทึกได้เป็นพิธีกรในช่วงแรก เล่าถึงความเป็นมาของกิจกรรมและให้ผู้เข้าร่วมแนะนำตัวว่ามาจากองค์กรใดหรือมาส่วนตัว พบว่าส่วนใหญ่มาด้วยความสนใจส่วนตัว แต่ก็มีจากหลากหลายองค์กร เช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หน่วยงานรัฐ และบริษัทเอกชน รวมถึงนักเขียน นักจัดอบรม และวิทยากร คุณหมอเริ่มการอบรมด้วยความรู้สึกที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส อธิบายหลักการของจิตวิทยาสติแนวใหม่ ที่เรียนรู้ง่าย เข้าใจง่าย และปฏิบัติง่าย โดยเน้นการปฏิบัติจริง ผู้เข้าร่วมรู้สึกดีที่ได้ปฏิบัติจริง เช่น การทำสมาธิเพื่อหยุดคิด 2 นาที แก้ปัญหาความคิดจากจิตใต้สำนึก 4 นาที และแก้ปัญหาความง่วง 8 นาที ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสติในการทำงานและชีวิต มีผู้เข้าร่วมตั้งคำถามที่ดีและแสดงความขอบคุณ มีปัญหาทางเทคนิคเรื่องเสียงรบกวนจากไมโครโฟน ทำให้ต้องหยุดใช้ไมโครโฟนชั่วคราวเพื่อไม่ให้รบกวนการบันทึกสำหรับการออกอากาศสดทาง Facebook และ YouTube บรรยากาศในห้องประชุมดี ผู้คนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติสมาธิ การฝึกสติในการพูดและการฟัง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการฝึกจิตวิทยาสติในแนวจิตวิทยา  การเน้นหลักการที่ไม่ยึดติดศาสนา: คุณหมอเน้นว่าการฝึกจิตวิทยาสติสามารถใช้ได้กับผู้ที่นับถือทุกศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาใดๆ  หลังจบการอบรม มีผู้เข้าร่วมเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอด้วยความขอบคุณและต้องการฝึกต่อ จึงได้มีการเชิญชวนให้เข้าร่วมกลุ่ม Line ของบริษัทจิตวิทยาสติ เพื่อฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยมีจิตอาสาให้คำแนะนำและมีการฝึกร่วมกันทุกวันอังคาร

 


3. ผลที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน

 

เรารู้สึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ

 

คำถามสำคัญ: ถ้ามีโอกาสได้บอกเล่าและแลกเปลี่ยนกับคนอื่นที่ร่วมทำงานด้วยกันหรืออยู่ร่วมในประสบการณ์ด้วยกัน จะยิ่งดี

 

รายละเอียด: รู้สึก ประทับใจ ภูมิใจ และมีความสุข ที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมกับเครือข่ายสุขภาวะ ผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 80 คน ได้แนวทางและเครื่องมือในการสร้างสุขจากภายในด้วยการฝึกสมาธิและสติ หลายคนได้ฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม Line และในวันอังคาร มีการบอกเล่าและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของการฝึกกับทีมจิตอาสา เกิดความร่วมมือกับผู้ที่เข้ารับการอบรมบางท่าน ทีมงานและคณะทำงานเองก็มีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงอย่างไรกับความตั้งใจร่วมกันของการจัดงานประชุมในครั้งนี้

 

คำถามสำคัญ: ประเด็นที่ 1 คือจากสันติภายในใจสู่สันติภาพของสังคม

 

รายละเอียด: ความสงบจากภายในของผู้บันทึกและทีมงานได้ แบ่งปันไปสู่ความสงบทางจิตใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม และผู้ที่อาจได้รับฟังผ่านช่องทางต่างๆ ของคณะผู้จัดงาน ทำให้เกิดการรับรู้เรื่องจิตวิทยาสติในการสร้างสันติและความสงบสุขจากภายในในภาพกว้างของสังคม สิ่งนี้สอดคล้องกับความตั้งใจของทีมจัดงานในการเผยแพร่เรื่อง จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และความหวังร่วมกัน สิ่งที่พบคือเส้นทางของสันติภายในใจสู่สันติภาพของสังคม จิตวิญญาณของผู้ร่วมทาง การร่วมทุกข์ร่วมสุข และความหวังที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า  สิ่งสำคัญที่ปรากฏคือ ความสุข ความสงบ และสันติที่เกิดขึ้นภายใน ทั้งของผู้จัดและผู้เข้าร่วม เป็นปรากฏการณ์ที่น่าชื่นใจ เห็นแววตาที่มีความสุข บรรยากาศแห่งความสุข และพลังงานของความรักและความปรารถนาดี เกิด Community เล็กๆ ในกลุ่ม Line ทำให้เกิดสันติและความสงบสุขจากภายในสู่สังคมภายนอก ได้พบว่าทั้งจิตวิญญาณของผู้บันทึกและผู้เข้าร่วมได้เกิดปัญญา ความสุข และความประทับใจที่จะพัฒนาปัญญาไปด้วยกัน มีความหวังว่าสังคมจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นจากการรวมตัวของผู้ที่ตั้งใจพัฒนาจิตใจตนเอง

 

สิ่งที่เกิดขึ้นมีผลอย่างไรต่อตัวเราบ้าง

 

คำถามสำคัญ: และเราพบบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวเราเอง หรือกับคนใกล้ชิด หรือคนอื่นๆ ได้บ้าง หรือไม่

 

รายละเอียด: สิ่งที่เกิดขึ้น มีผลดี ต่อผู้บันทึกและทีมงาน ถือเป็นกิจกรรมที่ดีที่รู้สึกประทับใจ การได้จัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาทำให้รู้สึกยินดีและเกิดความรู้สึกที่ดี พบว่าทำให้เติบโตทางปัญญาและจิตใจดีขึ้น คนใกล้ชิดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็รู้สึกดีด้วย

 


4. ข้อเสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องและสังคม

 

เรามีข้อเสนอแนะสำคัญต่อผู้คนเหล่านั้นอย่างไรบ้าง

 

คำถามสำคัญ: เพื่อให้งานที่เราตั้งใจทำอยู่เดินหน้าต่อไปได้อย่างดี และเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสร้างสังคมอยู่ดีมีสุขร่วมกัน ถ้ามีข้อเสนอเป็นรูปธรรมได้ว่าใครน่าจะทำอะไร เราเองตั้งใจจะทำอะไรอย่างไรต่อไปจากนี้ หรือเรายินดีร่วมมือหรือต้องการร่วมมือจากใครในรูปแบบไหนจะยิ่งดี

 

รายละเอียด: เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า การจัดกิจกรรมเรื่องการประชุมทางวิชาการสุขภาวะเพื่อเสริมสร้างทางปัญญาเป็นงานที่ดีมาก เสนอแนะให้ จัดต่อไปทุกปี (จากเดิม 2 ปีครั้ง) และ ขยายวงไปที่ส่วนภูมิภาค นอกจากการจัดที่ส่วนกลาง เพื่อให้ผู้คนในต่างจังหวัดได้มีส่วนร่วมมากขึ้น โดยอาจจะเริ่มที่ จังหวัดสำคัญในแต่ละภาค เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต หาดใหญ่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา เป็นต้น จะทำให้การสร้างสุขภาวะทางปัญญา เข้าถึงผู้คนได้ทั่วถึงและมีความถี่มากขึ้น และจะทำให้เกิด เครือข่ายในระดับท้องถิ่นที่ยั่งยืน นอกจากองค์กรสุขภาวะแล้ว ควร เปิดกว้างให้ประชาชนที่มีจิตอาสาเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมให้มากขึ้น ทั้งในฐานะเจ้าหน้าที่และผู้เข้าร่วม จะทำให้โครงการขยายวงได้ดีขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อผู้คนในสังคมมากขึ้น

 


ผู้บันทึก ถวิล พัวภูมิเจริญ

ผู้จัดการโครงการจิตวิทยาสติสร้างสุขในองค์กร



Comments


Commenting on this post isn't available anymore. Contact the site owner for more info.

ติดตามเรา

  • Facebook
  • Youtube
ศูนย์ความรู้_darker text.png
Logo_Portfolio_RGB_ThaiHealth_2022-01.png
bottom of page