top of page

T1-10 | เสวนา “สู่การสร้างองค์กรรมณีย์: องค์กรแห่งสติและสมดุล (MINDFUL ORGANIZATION)”

Updated: 4 days ago

2 มี.ค. 68  10:00-11:30 น.  เวทีกลาง สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์

เจ้าภาพ : กรุณพล พานิช สวนโมกข์กรุงเทพ

วิทยากร : ดร.วรภัทร ภู่เจริญ  ดร.พจนารถ ซีบังเกิด  ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ และ ครูดล ธนวัชร์ เกตน์วิมุต



แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญและผู้นำองค์กรที่ต้องการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรผ่านการใช้สติ (Mindfulness) เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร ลดความทุกข์ ความกลัว และความเครียดในองค์กร พร้อมทั้งเพิ่มพลังบวก ส่งเสริม Productivity, Creativity และ Agility เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน

กิจกรรมนี้เหมาะกับผู้ที่มุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในองค์กร ต้องการร่วมสร้าง “องค์กรรมณีย์” ที่ผสมผสานสุขภาวะทางปัญญาและความสงบสุขในที่ทำงาน



ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบย่อ

ชมคลิปบันทึกเสวนาแบบเต็ม



สรุปใจความสำคัญ


ห้องย่อยนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างองค์กรที่มีสุขภาวะทางปัญญา โดยมีจุดประสงค์เพื่อจุดประกายความคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นำและบุคลากรในองค์กร ให้มุ่งเน้นการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระดับบุคคล องค์กร และสังคมโดยรวม เป็นการเสวนาผ่านวิทยากรหลักที่นำเสนอองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เคยเป็นที่ปรึกษาและจัดกระบวนการกลุ่มองค์กรรมณีย์ให้กับผู้บริหารองค์กร

 

องค์กรในปัจจุบันที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มองปัญหาแบบแยกส่วน ไม่ได้สร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ หรือความเจ็บปวดที่มีต่อผลกระทบต่อพนักงานและคุณค่าของพนักงาน อาจทำให้องค์กรขาดสติ หรือการตระหนักรู้ถึงสภาวะปัจจุบันที่องค์กรเป็น มองเป้าหมายแบบแยกส่วน และสูญเสียความสมดุล

 

ผู้เข้าร่วมเสวนาทั้งสามท่านเป็นผู้ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรที่มีประสบการณ์การในการพัฒนาองค์กรมาอย่างยาวนาน การเสวนาได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ที่ใช้ “สติ” เป็นเครื่องมือในการสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยข้อสรุปหลัก ๆ ที่ได้จากการเสวนา ได้แก่

 

  • ผู้บริหารมักจะมุ่งไปที่การแก้ปัญหา ไม่ได้อยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า อยู่กับพนักงาน และองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ การรับรู้ปัญหาด้วยการยอมรับ และโอบกอดปัญหา เสมือนว่าปัญหามาเพื่อการเรียนรู้ เมื่อมีสติและอยู่กับปัญหาด้วยใจที่สงบ ไม่ตัดสินหาคนผิดหรือความรับผิดชอบ จะพบแนวทางในการแก้ไขปัญหาและจัดการได้ในที่สุด โดยไม่สร้างความขัดแย้งขึ้นในองค์กร

  • กลับเข้ามาหาตัวเอง เห็นตัวเอง ตอนนี้กำลังรู้สึกอะไร รู้สึกแบบนี้กระทบอะไรในเรา ความเป็นตัวตนของเรา มองให้ทั่วว่าตัวตนของตัวเองถูกกระทบด้วยอะไร

  • จัดการปัจจัยข้างในให้รมณีย์กับตัวเองก่อน เลือกได้ว่าจะรู้สึกกับสิ่งนี้อย่างไร

  • ตัวเราเป็นองค์กรและเป็นผู้บริหารกับผู้คนที่มาปฏิสัมพันธ์กับเรา กลับมาบริหารองค์กรในตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีพลังในการปฏิสัมพันธ์

  • ถามตัวเองว่าอยู่ด้วยความหมายแบบไหนในชีวิต จะเติมความหมายอะไรเพื่อให้จิตได้เรียนรู้และเดินทาง

  • หลักธรรมที่สอดคล้องต่อการทำงานในองค์กร เพื่อสร้างให้เกิด Mindfulness organization หรือ องค์กรรมณีย์ คือ “โพชฌงค์ 7”

 

สิ่งสำคัญคือปัญหาในองค์กรเกิดขึ้นเสมอ แต่มุมมองที่เปิดรับและมองเป็นโอกาสเรียนรู้จะช่วยให้จัดการได้อย่างสงบ โดยไม่สร้างแรงกดดันหรือต่อต้าน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือภารกิจหนึ่งที่ต้องจัดการ ด้วยจิตที่สงบ ไม่สั่นไหวไปกับปัญหา ใช้เวลาที่จิตใจสงบใคร่ครวญทบทวนปัญหา นำมาสู่การจัดการแก้ไขให้ลุล่วงองค์กรจะสงบสุข และเอื้อต่อบรรยากาศการทำงาน องค์กรรมณีย์เริ่มต้นที่ตัวเราเอง  

 


“องค์กรรมณีย์เริ่มที่ตัวเรา mindfulness ช่วยลดความ ‘อรมณีย์’ ลง

จัดการความ ‘อะ’ ที่เกิดในใจให้บางลง จนเหลือรมณีย์”

“ก่อนจะมี mindset ต้อง mindful ก่อน ไม่งั้นตั้ง mindset ผิด”

“Be there and be here อยู่กับเขา อยู่กับเราด้วย ฟังเขา 100% และดูตัวเราเองด้วย”



ผู้เขียน  ทีมจัดการความรู้ สุขภาวะทางปัญญา' 68





บทสะท้อนจากเจ้าภาพห้องย่อย

 

แรงบันดาลใจและความสำคัญของกิจกรรม

 

กิจกรรม “สู่การสร้างองค์กรรมณีย์: องค์กรแห่งสติและสมดุล” เกิดจากความร่วมมือของสวนโมกข์กรุงเทพ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผู้นำระดับสูง ได้แก่ ดร.วิรไท สันติประภพ, ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ, โค้ชจิมมี่ - พจนารถ ซีบังเกิด และ ครูดล - ธนวัชร์ เกตน์วิมุต ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "สติ" ในฐานะรากฐานสำคัญสำหรับการสร้างองค์กรที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนในยุคที่องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลต่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกดดันสูง

 

เราตระหนักว่าการนำสติ (Mindfulness) มาใช้ในการบริหารองค์กรสามารถช่วยลดปัญหาความทุกข์ ความเครียด และความกลัวที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจของผู้นำองค์กรได้ และยังส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยความสงบสุข ความเข้าใจ และมีศักยภาพที่ยั่งยืน

 


การเตรียมงาน

 

การเตรียมงานสำหรับกิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากการกำหนดแนวทางและวัตถุประสงค์ของกิจกรรมให้ชัดเจน โดยมุ่งเน้นการนำสติไปใช้ในบริบทองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม ทีมผู้จัดงานได้มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งเพื่อวางแผนและกำหนดโครงสร้างของกิจกรรมให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักของงานประชุมวิชาการสุขภาวะทางปัญญา’ 68 และเป้าหมายของภาคีเครือข่ายที่ร่วมจัดงาน

 

หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเตรียมงานคือการคัดเลือกวิทยากรที่เหมาะสม เรามุ่งเน้นเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงและสามารถถ่ายทอดแนวคิดเรื่องสติในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิทยากรที่ได้รับเชิญมาร่วมกิจกรรมล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีผลงานโดดเด่นในด้านการพัฒนาองค์กรและภาวะผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยสติ ได้แก่ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ จากมูลนิธิโพชฌงค์, ดร.พจนารถ ซีบังเกิด จาก Jimi The Coach Group และ ครูดล ธนวัชร์ เกตน์วิมุต จากเครือข่ายชีวิตสิกขา

 

การออกแบบเนื้อหาเสวนาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ เราได้หารือร่วมกับวิทยากรแต่ละท่านเพื่อนำเสนอแนวคิดและกรณีศึกษาที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กรจริง การประชุมเตรียมงานเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถกำหนดประเด็นหลักที่ต้องการสื่อสารได้อย่างชัดเจน และสร้างกรอบการเสวนาที่มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ

 


ในช่วงวันจัดงาน

 

วันจัดกิจกรรมเป็นวันที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อให้การเสวนาดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด กิจกรรมถูกจัดขึ้นที่เวทีกลาง ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ โดยทีมงานได้เตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และระบบถ่ายทอดสดให้พร้อมใช้งานก่อนเวลาเริ่มงานอย่างเป็นระบบ

 

ช่วงแรกของการจัดงาน ทีมงานได้ทำหน้าที่ประสานงานและดูแลผู้เข้าร่วมที่ทยอยเดินทางมายังสถานที่จัดงาน แม้ว่าช่วงแรกของกิจกรรมจำนวนผู้เข้าฟังจะยังไม่มากนัก แต่เมื่อการเสวนาเริ่มต้นขึ้น เนื้อหาที่เข้มข้นและน่าสนใจของวิทยากรทำให้มีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ และหลายคนต้องยืนฟัง บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความตั้งใจของผู้ฟังที่ต้องการเรียนรู้แนวทางการนำสติไปใช้ในองค์กรของตนเอง

 

วิทยากรแต่ละท่านได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์อย่างเต็มที่ ผ่านแนวคิด กรณีศึกษา และเทคนิคที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในองค์กร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาภาวะผู้นำที่มีสติ การลดความเครียดในที่ทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อสุขภาวะที่ดี วิทยากรมีการเชื่อมโยงเนื้อหาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานในปัจจุบัน ทำให้ผู้เข้าฟังสามารถเข้าใจและมองเห็นแนวทางปฏิบัติได้ชัดเจนมากขึ้น

 

ขณะเดียวกัน การถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดช่วงการเสวนา สะท้อนให้เห็นว่าหัวข้อที่นำเสนอสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจได้กว้างขวาง ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในสถานที่จัดงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ติดตามรับชมจากระยะไกลด้วย

 

หลังจากเสวนาจบลง ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงอยู่เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวิทยากรเพิ่มเติม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ลึกซึ้งของผู้เข้าฟัง หลายคนได้สอบถามเกี่ยวกับแนวทางการนำสติไปปรับใช้ในองค์กรของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม และขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้หรือการฝึกปฏิบัติที่สามารถช่วยเสริมสร้างการนำสติไปใช้ในชีวิตและการทำงาน

 

บรรยากาศโดยรวมของกิจกรรมเต็มไปด้วยความรู้สึกเชิงบวก การเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง และการแลกเปลี่ยนที่มีคุณค่า ทำให้กิจกรรมนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฟังเสวนา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนแนวคิดองค์กรแห่งสติไปสู่การปฏิบัติจริงในอนาคตบรรยากาศของงานเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวกที่แสดงผ่านสีหน้าและท่าทางของผู้ฟัง หลังจากเสวนาจบลงยังมีผู้เข้าฟังจำนวนมากที่เข้ามาพูดคุยเพิ่มเติมกับวิทยากรด้วยความสนใจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ฟังได้อย่างดีเยี่ยม

 


ผลที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน

 

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมทั้งในสถานที่และออนไลน์ ผู้เข้าฟังสะท้อนถึงความประทับใจในเนื้อหาที่นำเสนอ และเห็นว่าแนวคิดเรื่องสติในองค์กรเป็นสิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง หลายท่านให้ความคิดเห็นว่าการได้ฟังมุมมองจากวิทยากรที่มีประสบการณ์จริงทำให้เข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเองได้ง่ายขึ้น

 

ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ให้ความสนใจในเรื่องของ Mindful Leadership หรือการนำสติไปใช้ในการเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการเสวนา หลายคนตระหนักว่าผู้นำที่มีสติสามารถส่งผลโดยตรงต่อวัฒนธรรมองค์กร ทั้งในแง่ของการบริหารความขัดแย้ง การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะทางอารมณ์ของพนักงาน

 

นอกจากนี้ ผลที่เกิดขึ้นจากการจัดงานยังสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการขององค์กรต่างๆ ที่ต้องการแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการนำสติไปใช้ในระดับองค์กร หลายท่านที่เข้าฟังได้ให้ข้อมูลว่าพวกเขาสนใจที่จะนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาเป็นโครงการอบรมภายในองค์กรของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนแนวคิด องค์กรแห่งสติ ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

 

ในแง่ของบรรยากาศและการมีส่วนร่วม กิจกรรมนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่จากผู้เข้าฟังที่อยู่ในสถานที่จัดงาน แต่ยังรวมถึงผู้ชมออนไลน์ที่ติดตามการถ่ายทอดสดตลอดช่วงเวลา โดยพบว่ามีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่มีต่อหัวข้อนี้ในระดับที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าการสร้างองค์กรที่มีสติเป็นแนวคิดที่มีศักยภาพในการเติบโตและพัฒนาไปในอนาคต

 

จากผลลัพธ์ที่ได้รับ เราเชื่อว่ากิจกรรมนี้ได้สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการนำสติไปใช้ในองค์กรได้อย่างกว้างขวาง และหวังว่าองค์กรที่เข้าร่วมจะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้นต่อไป

 


ข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา

 

จากประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีหลายประเด็นที่สามารถนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของงานในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่พบ และการพัฒนาแนวทางที่สร้างสรรค์ ดังนี้:

 

1. ปรับปรุงระบบลงทะเบียนให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ปัญหาหนึ่งที่พบในการจัดงานคือระบบลงทะเบียนที่ยุ่งยาก ทำให้เกิดความสับสนและส่งผลให้มีผู้ที่ลงทะเบียนไว้แต่ไม่ได้มาร่วมงานจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดสรรพื้นที่และทรัพยากรของกิจกรรม ควรมีการออกแบบระบบลงทะเบียนที่ง่ายขึ้น อาทิ การใช้ระบบยืนยันตัวตนผ่านอีเมลหรือ SMS และการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนวันงาน เพื่อลดปัญหาผู้ลงทะเบียนแล้วไม่เข้าร่วม และช่วยให้สามารถบริหารจำนวนผู้เข้าร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการประเมินและการทำรายงาน

 

ในการจัดงานครั้งนี้มีการเก็บข้อมูลจากหลายช่องทาง ทั้งการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วม การทำแบบสอบถาม การสัมภาษเจ้าภาพห้องย่อย และการให้เจ้าภาพห้องย่อยจัดทำบทสะท้อน ซึ่งในบางส่วนมีเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกัน ควรมีการรวมกระบวนการประเมินให้เป็นระบบเดียวกัน โดยอาจใช้วิธีการเก็บข้อมูลที่กระชับและมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้แบบสอบถามดิจิทัล หรือการให้เจ้าภาพห้องย่อยสะท้อนผลในรูปแบบที่สอดคล้องกับข้อมูลจากการประเมินหลัก เพื่อลดภาระงานที่เกินจำเป็นและทำให้กระบวนการจัดเก็บข้อมูลมีความเป็นระบบมากขึ้น

 

3. จัดทำสื่อสรุปสาระสำคัญของกิจกรรมเพื่อเผยแพร่และต่อยอดความรู้

 

กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้เข้าร่วมในสถานที่และผู้ชมออนไลน์ เพื่อให้เนื้อหาที่มีคุณค่าไม่สูญหายไปหลังจากจบงาน ควรมีการจัดทำสื่อที่ช่วยสรุปเนื้อหาสำคัญ เช่น เอกสารสรุปหัวข้อที่วิทยากรพูดถึง วิดีโอไฮไลท์ของงาน หรืออินโฟกราฟิกที่สามารถเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมยังสามารถเข้าถึงเนื้อหาและนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเองได้

 

ท้ายที่สุด ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมนี้ รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่ให้ความสนใจและตั้งใจนำแนวคิดเกี่ยวกับสติไปใช้ในองค์กรอย่างจริงจัง หวังว่าการพัฒนาเหล่านี้จะช่วยให้กิจกรรมในอนาคตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างยั่งยืน

 


ผู้เขียน กรุณพล พานิช



ความคิดเห็น


ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์นี้ได้แล้ว เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าของเว็บไซต์

ติดตามเรา

  • Facebook
  • Youtube
ศูนย์ความรู้_darker text.png
Logo_Portfolio_RGB_ThaiHealth_2022-01.png
bottom of page